Author Archives: Bait0ng

รีวิว Aladdin

รีวิว Aladdin

1

รีวิว Aladdin

รีวิว Aladdin ทำออกมาดีเกินคาดมากกก เลิฟมากกกกไม่เผื่อใจ อะลาดิน (Aladdin)  กลายเป็นหนังดิสนีย์เปลี่ยนการ์ตูนมาเป็นเวอร์ชั่นคนแสดง (Live Action) อีกเรื่องที่คุณจะตกหลุมรักมันเข้าอย่างจัง ตั้งแต่ นักแสดง คอสตูม ฉากซีจีอลังการ เพลงเพราะ ลิงอาบู ยันพรมวิเศษ 

พันพันราตรีที่จีนี่ไม่เจอใครๆ บอกก่อนเลยว่าเรื่องนี้เห็นทีเซอร์ และ นักแสดงก็แอบลุ้นว่าจะไปรอดมั้ย แถม วิล สมิธ (Will Smith) กับบทจีนี่ตัวฟ้าก็ออกมาแปลกๆ

แต่พอได้ดูเต็มๆแล้วเปลี่ยนความคิดจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที หนังทำออกมาดีมากอิ่มเอมใจอาหรับราตรี บรรยากาศชวนให้อยากระบำหน้าท้องไปตลอดเรื่อง ทุกอย่างมันลงตัว ทั้งบท นักแสดง เพลง คอสตูม ท่าเต้นโมเดิร์น มุขตลกที่ใส่เข้ามาได้ฮาก๊าก รวมรีวิวหนัง

2

เปลี่ยนการ์ตูนที่เราคุ้นกันดีวัยเด็กทำออกมาได้อย่างมีสีสันมีชีวิตชีวา ตัวบทเคารพต้นฉบับปรับออกนิดเติมเข้ามาหน่อยกลายเป็นหนังที่สมบูรณ์ สมเหตุสมผลมากขึ้น

ระหว่างดูภาพจำจากเวอร์ชั่นการ์ตูนโผล่ขึ้นมาเรื่อยๆ ฉากไหนที่เราเคยชื่นชอบก็มีให้ฟิน ไม่ว่าจะเป็นฉากแห่เจ้าชายที่สุดของความอลังการ ฉากคู่รักท่องโลกบนพรมวิเศษฯ แถมบางส่วนเพิ่มเข้ามาก็ทำได้ดีไม่ขัดหูขัดตา ซีจีดีงามเป็นอย่างมาก คอสตูมก็เริ่ดสมราคาดิสนีย์ไม่มีคำว่าผิดหวัง

รีวิว Aladdin เนื้อเรื่อง

อะลาดิน เป็นจอมโจรหนุ่มจิตใจงามที่อาศัยอยู่ในนครอัคราบาห์ของอาหรับ อยู่ร่วมกับ ลิงสัตว์เลี้ยงนาม อาบู ได้ช่วยชีวิตและผูกมิตรกับเจ้าหญิงจัสมินที่แอบหลบหนีออกจากวัง เพื่อออกสำรวจชีวิต เพราะเบื่อกับชีวิตที่ถูกประคบประหงม ในขณะเดียวกัน มหาเสนาบดีจาฟาร์มีแผนการที่จะโค่นล้ม สุลต่าน บิดาของเจ้าหญิงจัสมิน เขาออกตามหา ตะเกียงวิเศษ ที่ถูกซ่อนอยู่ในถ้ำแห่งสิ่งมหัศจรรย์ 

 เพื่อจะให้ความปรารถนาของเขาเป็นจริง ซึ่งมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่คู่ควรเท่านั้น เรียกว่า “เพชรในตม” ซึ่งคืออะลาดิน อะลาดินซึ่งถูกจับตัวไว้ได้ตอนลอบเข้าไปในวัง เพื่อพบเจ้าหญิงจัสมิน จาฟาร์หลอกล่อให้เขาไปเอาตะเกียงมา

แล้วจะปล่อยให้เป็นอิสระ ภายในถ้ำอะลาดินได้ช่วยเหลือ พรมวิเศษ ไว้ และได้ตะเกียง เขามอบมันให้กับจาฟาร์ ก่อนจะโดนทรยศทิ้งไว้ในถ้ำ โชคดีที่อาบูขโมยตะเกียงโยนกลับมาให้เขาได้ รีวิวหนังซุปเปอร์ฮีโร่

อะลาดินที่ติดอยู่ในถ้ำและเผลออัญเชิญจีนี่ที่อาศัยอยู่ในนั้น ซึ่งมี อำนาจทุกอย่าง โดยไม่รู้ตัวผ่านการถูตะเกียง จีนี่อธิบายว่าเขามีพลังมากพอที่จะให้พร อะลาดิน สามข้อตามที่ปรารถนา อะลาดินใช้อุบายหลอกให้ จีนี่ออกมาจากถ้ำได้ โดยไม่ใช้พร  

หลังจากนั้น อะลาดินจึงใช้พรขอความต้องการอย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยการเป็นเจ้าชายเพื่อสร้างความประทับใจให้กับเจ้าหญิงจัสมิน และสัญญาว่าจะใช้ความปรารถนาข้อสุดท้ายของเขาเพื่อปลดปล่อยจีนี่จากการถูกจองจำ 

3

เมื่อเขาพาเธอขึ้นไปนั่งบนพรมวิเศษเพื่อแสดงให้เธอเห็นโลกที่เธออยากเห็นมาตลอด ในขณะที่ จีนี่ออกไปเดทกับดาเลีย นางกำนัลของเจ้าหญิงจัสมิน

แต่เมื่อเจ้าหญิงจัสมินจับได้ว่าตัวตนที่แท้จริงของอะลาดิน เขาจึงโน้มน้าวเธอว่าจริง ๆ แล้วเขาเป็นเจ้าชายและที่แต่งตัวเหมือนยาจก ก็เพื่อทำความรู้จักกับชาวอัคราบาห์ก่อน จาฟาร์ที่รู้เรื่องนี้จึงขู่ให้เขาบอกที่ซ่อนของตะเกียง และโยนเขาลงไปในทะเล  

อะลาดินจึงถ่วงเวลาโดยการเยาะเย้ย จาฟาร์ ว่ายังเป็นรองจีนี่ ในแง่ของพลังทั้งหมด เพื่อจะนั้นให้เขาใช้พรความปรารถนาข้อสุดท้าย ให้กลายเป็นสิ่งที่ทรงอำนาจที่สุดในจักรวาล แต่เนื่องจากพื้นที่ในตะเกียงมีไว้สำหรับจีนี่ตนเดียว จีนี่จึงได้รับอิสระ และเปลี่ยนจาฟาร์

เป็นจีนี่ซะเอง เพราะไม่มีเจ้านาย จึงถูกจองจำไว้กับตะเกียงโดยลากอิอาโกเข้าไปข้างในกับเขาด้วย จีนี่โยนตะเกียงของจาฟาร์กลับไปยังถ้ำแห่งสิ่งมหัศจรรย์ และ อะลาดินทำตามสัญญา โดยใช้พรความปรารถนาสุดท้ายของเขาเพื่อปลดปล่อยจีนี่

และทำให้เขาได้เป็น มนุษย์ สุลต่านออกประกาศแก่ชาวเมืองว่า เจ้าหญิงจัสมีนจะเป็นผู้ปกครองคนต่อไป และบอกเธอว่าอะลาดินเป็นคนดี และคู่ควรกับเธอ และจัสมินได้กลับมาอยู่กับอะลาดิน ในขณะที่จีนี่แต่งงานกับดาเลีย รีวิวหนัง 

และออกเดินทางไปสำรวจโลกกว้างและเริ่มต้นครอบครัวกับลูกชายและลูกสาว โอมาร์ และ เลียน ส่วนอะลาดิน และสุลต่านจัสมิน ก็แต่งงานแล้วเริ่มชีวิตใหม่อย่างมีความสุขนับตั้งแต่นั้น 

นักแสดง

หนัง Aladdin Live Action พล็อตเรื่องจะมีการผสมผสานระหว่าง อะลาดิน เวอร์ชั่นการ์ตูนและเรื่องราวจาก 1,001 Arabian Nights (นิทานอาหรับราตรี) โดยผู้กำกับคือ Guy Ritchie ที่เคยกำกับหนัง Sherlock Holms (ที่แสดงนำโดย Robert Downy JR.) และ John August มาทำหน้าที่เขียนบทภาพยนตร์ 

สำหรับเหล่านักแสดงโดยรวมก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีเลยทั้ง มีนา แมสโซด์ ที่รับบทอลาดินได้อย่างมีเสน่ห์ ส่วน นาโอมิ สก็อตต์ ก็สวยวัวตายควายล้มทุกช็อตที่ปรากฏตัวจริงๆ

ส่วนคนที่น่าจะรับแรงกดดันสุดๆ อย่าง วิลล์ สมิธ ก็ขอปรบมือชื่นชมด้วยใจจริง ทุกฉากที่มียักษ์จินนี่ วิลล์ สมิธิไม่เคยทำให้ผิดหวัง ความทะเล้น พลังงานในการเต้นที่ล้นเหลือ ไปจนถึงฉากแสดงอารมณ์ไม่มีขาดตกบกพร่อง และน่าจะได้เข้าชิงลูกโลกทองคำสาขานักแสดงตลกแน่ๆ 

4

ใครคิดถึงการ์ตูนต้นฉบับรับรองว่า Aladdin ไม่ทรยศกับหนังในดวงใจแน่นอน ส่วนแฟนๆรุ่นใหม่ก็น่าจะถูกใจกับความจัดจ้านของงานสร้างและเรื่องเล่าที่ร่วมสมัยเอามากๆ นับเป็นหนังไลฟ์แอ็คชั่นจากดิสนีย์ที่สร้างสรรค์มากๆและบันเทิงสุดๆไปเลย รีวิวหนังสนุกแนะนำ

Aladdin พระเอกของเรื่องรับบทโดย Mena Massoud นักแสดงหนุ่มชาวอียิปต์ ที่เคยฝากผลงานไว้ในซีส์เรื่องดัง Open Heart 

Jasmine แสดงโดย Naomi Scott ที่เคยแสดงหนังซูเปอร์ฮีโร่ “Power Rangers” โดยรับบทเป็น Pink Ranger นั่นเอง 

Genie แสดงโดย Will Smith นักแสดงชายมากฝีมือจะมารับบทเป็นเจ้ายักษ์ตัวสีฟ้าในตะเกียง

หนังที่สร้างจากการ์ตูน

Aladdin นับเป็นหนังไลฟ์แอ็คชั่นที่สร้างจากการ์ตูนดังของดิสนีย์เรื่องที่ 2 ของปีตามหลัง Dumbo การเรียกใช้บริการ กาย ริชชี่ มาเป็นผู้กำกับนับว่าเป็นก้าวที่กล้าหาญไม่น้อยเลย ด้วยว่าหนังกาย ริชชี่ แทบไม่เคยมีหนังครอบครัวในประวัติการทำงานเลย  

แถมมุกส่วนใหญ่ยังดูผู้ใหญ่ไม่น้อย จนหลายคนกังวลว่า Aladdin ฉบับนี้จะออกมาเละเทะไปกันใหญ่ แถมยังหมั่นสร้างความตระหนกให้แฟนการ์ตูนต้นฉบับทั้ง ภาพโปรโมตที่วิลล์ สมิธ  

ปรากฎกายด้วยสีผิวปกติจนเกิดเสียงครหาไปทั่วโซเชียลมีเดีย กระทั่งได้ปล่อยตัวอย่างจริงออกมานั่นแหละถึงพอเบาใจกันได้หลังได้เห็นฉากขี่พรมวิเศษสุดโรแมนติกในความทรงจำ

แต่หากคิดว่า คนอย่าง กาย ริชชี่ จะคัดลอกการ์ตูนมาแบบหน้าด้านๆ ขอให้คิดใหม่เลย เพราะบทภาพยนตร์ฉบับนี้ กล้าหาญถึงขั้นใส่มุกตลกกาวๆแต่ไม่หยาบคายเข้ามาให้คนดูผู้ใหญ่ได้หัวเราะกันก๊ากใหญ่ๆ 

5

คือความเฟมินิสต์ของเรื่องราวโดยเฉพาะเจ้าหญิงจัสมินที่ฉบับนี้คือกล้าเสนอตัวปกครองประเทศในฐานะสุลต่านเรียกได้ว่าตอบรับกระแสพลังหญิงแบบสุดโต่งจนน่าจะเป็นแรงผลักดันที่ดีให้สาวน้อยทั้งหลายมีโรลโมเดลดีๆ ได้อย่างน่าชื่นชม

ถือว่าความพยายามของดิสนีย์ที่พยายามสร้างความเท่าเทียมก็ตอบโจทย์กับการดัดแปลงจนเกิดเป็น Aladdin ฉบับนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ 

สำหรับวิสัยทัศน์อีกข้อของกาย ริชชี่ คือการตระหนักรู้ว่าในเมื่อหนังที่ทำมีความเป็นแฟนตาซีเลยไม่ได้ยึดตรรกะกับโลกจริงและสร้างความมหัศจรรย์จากการผสานวัฒนธรรมโดยเฉพาะการนำองค์ประกอบแบบหนังบอลลีวูดมาใช้สำหรับฉากมิวสิคัลที่ทำได้ยิ่งใหญ่อลังการทุกฉาก แถมยังเพิ่มการผสานวัฒนธรรมได้อย่างแปลกตา  

เช่นฉากเปิดตัวเจ้าชายอาลี ที่ผสมทั้งนักเต้นระบำหน้าท้อง นักเต้นคาร์นีวัล ไปจนถึงเบรคแดนซ์ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ส่วนฉากมิวสิคัลอื่นๆ ก็เรียกได้ว่า ริชชี่ เข้าใจความเป็นหนังผสานงานออกแบบงานสร้างสุดอลังการและงดงามโดยยังคงมนต์ขลังจากการ์ตูนต้นฉบับไว้ได้ไม่ตกหล่นเลย  

แถมทั้งยังมีการทำงานในส่วนภาคดนตรีร่วมกับ อลัน เมนเคน ที่เคยทำดนตรีให้กับ Aladdin ฉบับอนิเมชันเมื่อปี 1992 ให้ดัดแปลงเพลงจากต้นฉบับให้มีความร่วมสมัยทั้งใส่กลิ่นอายความเป็นพอพและฮิพฮอพได้อย่างครื้นเครง เรียกได้ว่าในพาร์ตยากสุดๆได้มือดีมาดูแลก็ทำผลงานได้ยิ่งกว่าหายห่วงเลย 

รีวิว Aladdin บทสรุปของเรื่อง

จุดที่ผู้รีวิวชอบที่สุดก็คือการส่งเสริมการเป็น Feminist ของเจ้าหญิง Jasmine ได้อย่างลงตัว คนดูอย่างเราไม่ได้รู้สึกฝืนหรือยัดเยียดมากจนเกินไป และบวกกับที่จุดนี้มีการปูมาตั้งแต่เวอร์ชันแอนิเมชันอยู่แล้ว การได้เห็นเจ้าหญิง Jasmine

ลุกขึ้นยืนหยัดเพื่อตัวเองและบ้านเมืองจึงเป็นอะไรที่น่าประทับใจมากๆ และผู้รีวิวก็รู้สึกว่าเด็กผู้หญิงหลายๆ คนก็คงจะได้แรงบันดาลใจจากเจ้าหญิง Jasmine เช่นกันค่ะ 

6

โดยภาพรวมแล้ว Aladdin ก็ถือว่าเป็นภาพยนตร์สูตรสำเร็จอีกเรื่องหนึ่งของ Disney

ที่ทำออกมาเป็น Live-Action ได้อย่างพอดี ลงตัวและน่าประทับใจมากๆ หากใครยังไม่ได้ดู ผู้รีวิวก็อยากขอแนะนำให้ทุกคนลองไปดูกันนะคะ โดยเฉพาะเมื่อ Disney ยังคงมีโปรเจ็กต์ในการนำแอนิเมชันมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ Live-Action อีกมากมายที่กำลังรอต่อคิวให้เราได้ชมกันอยู่ค่ะ 

ความรู้สึกหลังรับชม

ก่อนอื่นคงจะต้องพูดถึงในส่วนของบทก่อน เหมือนกับภาพยนตร์ Live-Action ทั่วๆ ไป Aladdin ก็ยังคงไม่ได้แตกต่างอะไรมากในส่วนของบทค่ะ เพราะเวอร์ชันภาพยนตร์นั้นก็ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านเนื้อหาใดๆ เลยเช่นกัน แต่นั่นก็นับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับผู้รีวิวนะคะ  

เพราะเราก็แค่อยากเห็นแอนิเมชันและตัวละครที่เราชื่นชอบได้มีโอกาสกลับมาโลดแล่นบนจอภาพยนตร์อีกครั้ง แต่เราไม่ได้อยากให้เขาเปลี่ยนเนื้อเรื่องสุดคลาสสิกให้เข้ากับยุคสมัยแต่อย่างใด แต่ก็อย่างที่บอกไปว่าตั้งแต่เวอร์ชันแอนิเมชันที่เราได้มีโอกาสเห็นเจ้าหญิง Jasmine  

7

ไม่ยอมจำนนให้กับราชประเพณีและธรรมเนียมต่างๆ แล้ว ในเวอร์ชันภาพยนตร์ก็นำจุดนี้มาขยายให้ใหญ่ขึ้นไปอีกค่ะ แต่นอกจากตรงจุดนี้ เนื้อเรื่องก็ยังเป็นเนื้อเรื่องสุดคลาสสิกที่เราคุ้นเคยกันดีค่ะ 

ส่วนตัวผู้รีวิวมองว่า จุดที่นำเรื่องของเจ้าหญิง Jasmine มาขยายนั้นเป็นการเกลี่ยบทให้กับตัวละครได้ดีมากเลยล่ะค่ะ แถมจุดนี้ยังเป็นจุดที่ทำให้ผู้ชมที่เป็นผู้หญิงหลายๆ  

คนประทับใจที่ได้เห็นเจ้าหญิงที่ตนชื่นชอบลุกขึ้นมาสู้และไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจปิตาธิปไตยของผู้ชายในช่วงเวลานั้นอีกด้วยค่ะ แถมเพลง Speechless ที่เป็นเพลงที่ถูกแต่งขึ้นมาใหม่เพื่อตัวละคร Jasmine โดยเฉพาะก็ยังดังเป็นพลุแตกอีกด้วย มาแรงแซงหน้าเพลงประจำเรื่องอย่าง The Whole New World ไปเลยค่ะ 

รีวิว mission impossible

รีวิว mission impossible

1

รีวิว Mission: Impossible Fallout

รีวิวMission: Impossible Fallout เมื่อปฏิบัติการที่เบอร์ลินทำให้ พลูโตเนียม หลุดรอดจนเกิดเหตุวินาศกรรมสถานที่สำคัญทางศาสนา ทำให้ อีธาน ฮันต์ (ทอม ครูซ) จำต้องร่วมงานกับ ออกัส วอล์คเกอร์ (เฮนรี คาวิลล์)

ซีไอเอหนุ่มที่เขม่นเขาตั้งแต่แรกพบ แต่ราคาที่ต้องจ่ายเพื่อให้ได้พลูโตเนียม อาจทำให้ โซโลมอน เลน (ณอน แฮริส) ผู้ก่อการร้ายสุดโฉด หลุดรอดการจับกุมไปได้ ทำให้ทาง ซีไอเอ และ ไอเอ็มเอฟ เริ่มสงสัยในความภักดีของ อีธาน ฮันต์ (ทอม ครูซ) จนเขาต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยการตามจับวายร้ายสมองเพชรและหยุดหายนะครั้งใหม่ก่อนโลกจะลุกเป็นไฟให้จงได้ รวมรีวิวหนัง

2

และนี่ก็เป็นครั้งที่ 6 แล้วสำหรับ Mission Impossible จากการนำแสดงและอำนวยการสร้างของ ทอม ครูซ ที่ผ่านมามีผู้กำกับมากหน้าหลายตาที่มาเติมเต็มแฟรนไชส์สายลับชุดนี้ให้ไปไกลกว่าแค่หนังรีเมคจากซีรีส์ ทั้ง ไบรอัน เดอพัลมา

ที่สร้างมาตรฐานการเล่าเรื่องเชิงสืบสวนสอบสวนสุดลึกลับ และมีกลิ่นอายของฟิล์มนัวร์ จอห์น วู มาสานต่อตำนานและเติมฉากแอ็คชั่นดีไซน์สวยๆ ส่วน เจ เจ เอบรามส์ นอกจากมาเติมเรื่องราวเพิ่มมิติด้านครอบครัวให้ อีธาน ฮันต์ แล้วก็ยังนำบริษัท แบด โรบอต มาร่วมอำนวยการสร้างตั้งแต่ภาค 3 จนถึงปัจจุบัน 

รีวิว Mission: Impossible Fallout เนื้อเรื่อง

หนังเปิดเรื่องมาด้วยฉาก “ความฝันของอีธาน ฮันท์” ในฝันดังกล่าว เขากำลังจะแต่งงานกับอิลซา ฟอสต์ (รีเบ็กก้า เฟอร์กูสัน) แต่แล้วเขาก็ถูกบาทหลวงตั้งคำถามถึงความไว้เนื้อเชื่อใจ ความปลอดภัยในชีวิต ว่าการแต่งงานครั้งนี้อาจจะนำมาซึ่งความหายนะ   

แต่อิลซาก็ตอบตกลง ทันใดนั้นเองกล้องก็แพนมาให้เราเห็นหน้าของบาทหลวงซึ่งเป็นใบหน้าของโซโลมอน เลน(ฌอน แฮร์ริส) วายร้ายจาก Mission: Impossible – Rogue Nation รีวิวหนังซุปเปอร์ฮีโร่

และทันใดนั้นเองระเบิดลูกยักษ์ก็ตกลงที่กลางหุบเขาและร่างกายของอีธานก็สลายกลายเป็นผุยผงจากนั้นเขาก็พลันสะดุ้งตื่นขึ้น 

แค่ความฝันฉากเดียว สามารถอธิบายปรากฏการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในหนังภาคนี้ได้อย่างชัดเจน ว่าเรื่องราวเกี่ยวข้องกับชีวิตของฮันท์และบรรดาคนรอบตัวของเขา และยังเชื่อมโยงกับพฤติกรรมของฮันท์ผู้ถือคติ “ไม่ทิ้งเพื่อนไว้ข้างหลัง” อันนำมาซึ่งภัยคุกคามต่อคนทั้งโลก  

3

โดยหลังจากภารกิจชิง พลูโตเนียมอันเป็นส่วนประกอบของระเบิดนิวเคลียร์เกิดล้มเหลว เพราะอีธานเป็นห่วงความปลอดภัยของลูเธอร์ (วิง รามส์) ซึ่งถูกจับเป็นตัวประกัน เขาจึงเลือกจะช่วย “เพื่อน” ก่อน “ภารกิจ” 

จุดอ่อนดังกล่าวของอีธานจึงกลายมาเป็นรูโหว่สำคัญของภารกิจ จนส่งผลให้หลายๆครั้ง อีธานและพรรคพวกต้องเสี่ยงอันตราย (อันนำมาสู่ฉากต่อสู้อันแสนตื่นเต้น

เร้าใจและเหลือเชื่อ) ซึ่งเราไม่อาจจะปฏิเสธเลยว่า ด้วยบุคลิกเช่นนี้ อีธานจึงกลายเป็นคนที่เพื่อนร่วมทีมมองเห็นคุณค่า  

กระทั่งคนที่ไม่รู้จักมักจี่อย่างไวท์ วิโดว์(วาเนสซา เคอร์บี้) นักค้าอาวุธและโบรกเกอร์ อีธานยังให้ความสำคัญและพยายามดูแลความปลอดภัยให้กับเธอในฉากที่ทั้งสองพบกันเป็นครั้งแรก และนั่นคือ “อาวุธสำคัญอีกประการของอีธาน” ก็ว่าได้ 

ความเอาใจใส่ของอีธาน กลายเป็นผลดีต่อภารกิจ (และหลายครั้งก็ส่งผลเสีย) แต่ไม่แปลกใจเลยที่บรรดา คนสนิทชิดใกล้ถึงไว้ใจเขาและยอมที่จะเอาตัวเองเข้าเสี่ยงตายในหลายต่อหลายครั้งเพื่อให้ภารกิจสามารถลุล่วงไปได้  

ตัวอย่างที่สามารถเห็นได้ชัดที่สุดคือตัวละครอย่างอิลซา ฟอสต์ที่ยอมเสี่ยงอันตรายด้วยการใช้ตัวเองให้กลายเป็นนกต่อบ้าง เป็นเหยื่อบ้าง แต่นั่นก็เพื่อทำให้อีธาน สามารถทำภารกิจของเขาผ่านไปได้ด้วยดี รีวิวหนังจากการ์ตูน

 

องค์ประกอบของหนัง

องค์ประกอบสำคัญถ้านอกจากฉากแอ็คชั่นแล้วคงหนีไม่พ้นนักแสดงทั้งหมดในเรื่อง ทั้งสายทุ่มเทอย่าง ทอม ครูซ ที่เล่นฉากสตันท์เองจนได้รับบาดเจ็บที่เข่าในฉากกระโดดข้ามตึก หรือแม้แต่การทุ่มเทฝึกการโดด ฮาโล (HALO – High Altitude Low Opening) ถึง 1 ปีเต็มเพื่อฉากแอ็คชั่นสำคัญของเรื่อง  

ก็ให้ผลลัพธ์ที่ต้องบอกว่า ความพยายามไม่เคยทรยศใครจริงๆ เพราะงานสตันต์ทุกฉากทุกตอนคือชวนอ้าปากค้างจริงๆ นะไม่ได้เวอร์เลย

และไม่ใช่แค่พี่ทอม ครูซนะ แม้แต่ รีเบคกา เฟอร์กูสัน ที่กลับมารับบท อิลซา ก็เล่นฉากแอ็คชั่นแม้ตัวเองจะท้องอยู่ก็ตาม (พอหนังปิดกล้อง อายุครรภ์ของเธอก็ได้ 7 เดือนพอดี) 

4

ส่วนนักแสดงคนอื่นๆทั้ง วิง เรมส์ ที่กลับมารับบท ลูเธอร์ เป็นครั้งที่ 6 ก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกผูกพันธ์เหมือนเป็นครอบครัวตัวละครที่โตมากับเราจริงๆ ไซมอน เพกก์ ในบท เบนจี้  

ก็ยังฮาและสร้างเซอร์ไพร์สได้ดีเช่นเดิม สำหรับสมาชิกใหม่อย่าง เฮนรี คาร์วิลล์ หรือพี่ซูเปอร์แมนของเราก็ทำให้ฉากบู๊ดูดุดันไม่น้อยเลยทีเดียวแต่คนที่ทำให้ใจพองโตที่สุดเห็นจะเป็น

วาเนสซา เคอร์บี้ ในบท แม่มายขาว หรือ ไวต์วิโดว์ คนกลางค้าอาวุธที่สวยแบบวัวตายควายล้ม สวยแบบขายบ้านขายรถ คือเห็นแล้วพร้อมหลงกลได้ง่ายๆเลยทีเดียว  

ซึ่งแม้นุ้งเคอร์บีจะไม่ได้สวมชุดราตรีสุดหรูแบบในซีรีส์เดอะคราวน์ ทาง เน็ตฟลิกซ์ แต่ใบหน้าอันแสนจะเพอร์เฟกต์ของเธอก็เพียงพอให้กล้องถ่ายทอดความงามในทุกฉากที่ปรากฎตัวได้เป็นอย่างดี 

ความรู้สึกหลังดูหนัง

“Your Mission, Should You Choose to Accept It” 

ตลอดระยะเวลาสองชั่วโมงกว่าในโรงภาพยนตร์ ตัวหนังสะกดให้เราจดจ่อไปกับภาพยนตร์ได้ตลอดเวลา ความสนุกสนาน ตื่นเต้นและมุกตลกสอดแทรกเป็นสีสันในแบบฉบับของ MI ยังคงวิ่งเข้าหาคนดูอย่างไม่หยุดยั้ง 

แต่สิ่งที่แตกต่างไปจากภาคก่อนหน้าคือความรู้สึกหลังดูจบ  ในภาคนี้เราเดินออกจากโรงภาพยนตร์ด้วยการใช้เวลาสองชั่วโมงกว่าอย่างเต็มอิ่มไปกับตัวภาพยนตร์แต่ในขณะเดียวกันก็แอบรู้สึกหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก 

5

ตัวภาพยนตร์ส่งมอบจุดเด่นของแต่ละภาคไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขับรถไล่ล่า การทรยศหักหลังพลิกซับสลับซ้อน การทำภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นจริง

การบีบคั้นคนดูด้วยลูกเล่นของเวลาไปถึงการหยิบจับตัวละครต่าง ๆ มาแบ่งสรรปันส่วนให้ลงตัวไม่มีใครน้อยหน้าไปกว่ากัน 

 เรียกได้ว่าผสมสิ่งต่าง ๆ ของภาพยนตร์ MI เอาไว้ในภาคเดียวเต็มอิ่มจนเหมือนเป็นการสั่งลาด้วยวัฐจักรทั้งในเรื่องของความยากในการสร้างภาพต่อให้ดีกว่า

การหาตัวแทนของทอม ครูซในวันที่พระเอกหนุ่มสุดหล่อต้องห่างหายไปตามอายุอานาม ซึ่งเราได้แต่ขอให้เราคิดผิด 

ให้คะแนนเรื่องนี้ 9/10 คือภาพยนตร์ที่ควรค่าแก่การดูทั้งคนที่เป็นแฟนซีรีส์นี้และคนที่ไม่เคยดูมาก่อน จูงมือกันเข้าไปดู ใช้เวลากับมัน แล้วคุณจะรู้ว่าทำไมภาพยนตร์ชื่อนี้ถึงได้รับความนิยมอย่างมหาศาลตลอดระยะเวลาสองทศวรรษที่ผ่านมา 

รีวิว Mission: Impossible Fallout บทสรุป

จะเห็นได้ว่าความโดดเด่นของหนังภาคนี้ไม่ได้อยู่แค่เพียงงานสตันท์แมนเสี่ยงตายของอีธาน แต่เพียงผู้เดียว ในหลายครั้งที่ภารกิจสำเร็จลุล่วงไปได้ (แม้จะตะกุกตะกักและมีอุปสรรคอยู่เสมอ) แต่เพราะหน่วย IMF  

6

ทำงานร่วมกันเป็นทีม ด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจเหล่านั้น ทำให้ภารกิจอันแสนจะเหลือเชื่อสามารถ กลายเป็นเรื่องที่สามารถทำได้จริงในที่สุด ราคาของความเชื่อใจอาจจะไม่สามารถพิสูจน์ได้แค่เพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่เวลาเท่านั้นที่จะเป็นคำตอบให้ 

ความเป็นหนังภาคต่อ

เป็นหนังภาคต่อที่ปัจจุบันได้ดำเนินมาถึงภาคที่ 6 ทำรายได้รวมกว่า 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จึงนับได้ว่าเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่มีกระแสตอบรับที่ดี และได้รับบการจับตามองจากทั่วโลก อาจจะด้วยทั้งตัวละครหลักหรือ  

อีธาน ฮันท์ มีพัฒนาที่มากขึ้นตามแต่ช่วงวัยอายุ และรับโดย ทอม ครูซ พระเอกชื่อดังก้องโลก เขารับบทอีธานมาตั้งแต่ในภาคแรกจนถึงปัจจุบัน ทำให้เหมือนเป็นที่ติดตาจากผู้ชมไปแล้วว่าตัวละครนี้ต้องมีเขามารับบทบาทเสมอ 

Mission Impossible เป็นหนังสายลับที่ออกแนว Action แบบไม่หน่อย ทำให้เราจะได้เห็น ทอม ครูซ ในบทบาทของ อีธาน ฮันท์ ได้แสดงในคิวบู๊ได้มันส์หยดแทบทั้งเรื่อง จนทำให้บางครั้งถึงกับหยุดหายใจ และฉากภารกิจในหลาย ๆ ฉากก็ลุ้นจนแทบลืมว่าตัวเองต้องหายใจ

7

ฉากแอคชั่นนั้นทำได้ดีทีเดียวในทุก ๆ ภาค คิวบู๊ดูมีความเป็นมืออาชีพและลื่นไหลดี ข้อเด่นข้อหนึ่งเลยของตัวละครอีธานคือ เป็นคนที่ไม่ตื่นตูม

ดูเขาไม่ค่อยตื่นตระหนกกับเรื่องร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น อีธานสามารถตัดสินใจในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี และมีความเด็ดขาดในทุก ๆ การตัดสินใจ 

Mission Impossible เป็นหนังภาคต่ออีกเรื่องหนึ่งที่ทำได้ดีทีเดียว(ซึ่งคาดว่าหากทำไม่ได้ดีอาจไม่ได้มีถึง 6 ภาค)เนื้อเรื่องค่อนข้างอัดแน่น

ทำให้การดำเนินเรื่องค่อนข้างไว การเก็บประเด็นให้ครบภายในครั้งแรกนั้นเป็นไปได้ค่อนข้างยาก และตัวละครในเรื่องมีค่อนข้างมากทำให้อาจเกิดความสับสนได้ 

Mission Impossible เป็นหนังที่ทำได้ดีในแง่ของฉากแอคชั่น มีการทุ่มทุนสร้างอย่างมหาศาล แต่ด้วยเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างอัดแน่นอาจทำให้ต้องใช้ความคิดตามพอสมควร แต่ถ้าดูแค่มันส์และอยากดูฉากบู๊แบบดี ๆ เรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี 

รีวิว Captain America Civil War

รีวิว Captain America Civil War

https://www.youtube.com/watch?v=vhAFMK8uF

1

รีวิว Captain America Civil War

รีวิวCaptain America Civil War ได้เวลาของการเดินหน้าเข้าโรงหนังเพื่อรับชมภาคใหม่ของกัปตันอเมริกา ซูเปอร์ฮีโร่สุดหล่อหุ่นล่ำขวัญใจสาวๆ

ที่กลับมากับภาคสาม พ่วงเอาดาราซูเปอร์ฮีโร่เพื่อนฝูงอีกมากมายกลับมาช่วยกันบรรเลงเพลงบู๊จัดการตัวร้ายกันอีกครั้ง แต่คราวนี้ เค้าลางของความคิดเห็นไม่ตรงกันของพวกเขามันเพิ่มพูนมากขึ้นไปอีก

ถึงขนาดมีฉากไฝว้ให้เห็นในตัวอย่างเพื่อเรียกน้ำย่อยให้คนเข้าไปดู ไม่พอ หนังยังมีตัวละครตัวใหม่แต่หน้าเก่าอย่าง SpiderMan มาเสริมทัพให้ยิ่งชวนดูมากขึ้นไปอีก 

2

ไม่ได้เขียนชื่อหนังผิดแต่อย่างใด แต่เชื่อว่าหลายๆคนดูมาแล้วก็จะเข้าใจว่า พล็อตของคำว่า Civil War นั้นมันคลุมตัวหนัง กัปตันอเมริกาภาค 3 ได้ชัดเจนกว่ามากๆจริงๆจนสมควรเอาชื่อภาคขึ้นนำเลยล่ะ รวมรีวิวหนัง

เป็นอีเว้นท์ฮีโร่แบ่งพวกแล้วซัดกันเองของมาร์เวล คอมมิค ซึ่งมีจุดกำเนิดมาจากการที่รัฐบาลต้องการควบคุมสิทธิ์การใช้พลังที่อิสระเสรีของเหล่าฮีโร่

เพื่อความปลอดภัยและตรวจสอบได้ โดยมีเหตุการณ์การเข้าจับกุมตัววายร้ายที่ผิดพลาดของฮีโร่วัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง จนทำให้เกิดเหตุระเบิดรุนแรงและมีผู้คนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก

ส่งผลให้กัปตันอเมริกากับไอออนแมนต้องแตกหักกัน เพราะกัปตันฯต้องการรักษาความมีอิสระในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ไว้ ในขณะที่ไอออนแมนต้องการให้ฮีโร่เป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับและลดความเสี่ยงในการทำร้ายประชาชนที่บริสุทธิ์ลง 

รีวิว Captain America Civil War เนื้อเรื่อง

เนื้อเรื่องว่าด้วยความรู้สึกของตัวละครสองกลุ่มและข้อขัดแย้งภายในจิตใจที่เกิดจากเหตุการณ์ผลกระทบในอดีต ทั้งความพินาศของเมืองต่างๆในการปฏิบัติการแต่ละครั้งของฮีโร่ โดยเฉพาะจากหนัง อเวนเจอร์ ภาคล่าสุดอย่าง

เอจออฟอัลตรอน ที่ทำให้เมืองโซโคเวียไม่เหลือชิ้นดี ตรงนี้ก็เปิดช่องให้ขุมกำลังที่ชื่อสหประชาชาติ (ในฐานะตัวแทนมนุษยชาติในแง่มุมหนึ่งนะ) เข้ามาแสดงบทบาทในการทวงถามการตรวจสอบการทำงานของฮีโร่ด้วย 

ผลกระทบของการปฏิบัติการโซโคเวียยังส่งผลมาหลายสายทางในหนังภาคนี้ โดยเฉพาะมากที่สุดกับโทนี่ สตาร์ก ที่เราจะเห็นความกลัวในใจของเขาในภาคเอจออฟอัลตรอนแล้วจากนิมิตที่เขาพบว่าตนเป็นต้นเหตุให้เพื่อนๆ ตายกันหมด

ความกลัวที่ตัวเขาจะสร้างผลกระทบกับคนที่รักและเหยื่อบริสุทธิ์นั้นถูกขยายอย่างมากในหนังภาคนี้ และทำให้โทนี่เป็นตัวละครที่เด่นไม่เป็นรองกัปตันอเมริกา ซึ่งถ้าดูให้ดีแล้วเขาคือตัวขับเคลื่อนเรื่องเสียด้วยซ้ำ 

3

ตรงนี้พาดพิงแล้ว ขออวยหน่อย ป๋าโรเบิร์ต ดาวนี่ย์ จูเนียร์ ไม่ใช่แค่ไอออนแมนที่ขาดไม่ได้ในจักรวาลมาร์เวลเท่านั้น แต่ ณ จุดนี้ต้องบอกเลยว่า

ป๋าแกคือองค์ประกอบที่สำคัญโคตรๆ ในการทำให้หนังมาร์เวลเชื่อมโยงและสนุกมากๆ ด้วยเคมีของแกที่เข้าโคตรดีกับตัวละครต่างๆ แม้แต่กับปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ หรือไอ้แมงมุม 

ที่มาปรากฏกายครั้งแรกในหนังเรื่องนี้ การรับส่งบทมุกต่างๆกับเฮียแกนี่ ทำให้ซีนธรรมดาๆ อย่างคุยกันกลายเป็นการเปิดตัวที่น่าจดจำของสไปดี้คนใหม่อย่าง ทอม ฮอลแลนด

์ ได้เลย นี่คงเป็นเหตุผลสำคัญที่สตูดิโอต้องพยายามดึงป๋ามาเล่นใน Spiderman: Homecoming ซึ่งเป็นการรีบูทใหม่ในปีหน้านี้ด้วย

 คือตรงนี้ต้องบอกเลย ต่อให้โทนี่ สตาร์กจะเลิกเป็นไอออนแมนก็ไม่เป็นไรเลย แต่ขอแค่ป๋ายังโผล่มาเป็นโทนี่ในหนังเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว 
แบล็กแพนเธอร์ สไปเดอร์แมน โผล่เข้ามาในเรื่องได้มีเหตุผลเข้าท่า ไม่ได้จับยัดๆ เข้ามา แถมมีฉากโชว์ของตัวเองที่ติดตาด้วย

ส่วนตัวละครอื่นๆ ที่อยู่ประจำแล้วนั้นแบ่งเฉลี่ยบทได้ดี มีฉากขโมยซีนของตัวเองกันทั้งนั้น โดยเฉพาะ แอ๊นท์แมน อันนี้ต้องไปดูกันนะ 

ความเป็นมาของหนัง

หนังจากการตีความบทใหม่โดย Christopher Markus และ Stephen McFeely สองมือเขียนบทที่ดูแลหนังกัปตันอเมริกามาแล้วตั้งแต่ภาคแรก และยิ่งนับวันยิ่งคมและสนุกขึ้นเรื่อยๆ พูดตรงๆ ว่าภาคแรกนั้นน่าเบื่อเอามากๆ

สำหรับเรานะ แต่พอมาภาคสองนี่ โห เข้มข้นแบบสร้างแนวทางหนังกัปตันฯให้แตกต่างชัดเจนจากหนังมาร์เวลเรื่องอื่นๆ ไปเลย เพราะจะมีความหม่นๆ และดราม่าแบบการเมืองอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งพอมาภาค 3 ทันทีที่ประกาศว่าจะเป็นซีวิล วอร์

นี่แบบคือเชื่อมือเลยว่า บทหนังน่าจะแข็งแรงและกดดันความขัดแย้งในตัวละครได้ดีแน่ๆ ซึ่งก็ดีจริงๆ ดีมากๆ ในขณะที่เราดูหนังไปเราเห็นภาพสะท้อนสังคมโลกอยู่ในนั้นเลย โดยเฉพาะประเด็นหน้าที่และขอบเขตอำนาจตำรวจโลกอย่างอเมริกาที่แสดงผ่านตัวกัปตันฯและไอออนแมนนั่นล่ะ และคำพูดตัวละครหลายๆ คำก็เสียดแทงสังคมมนุษย์จริงๆ ด้วยเรียกว่ามีคติสอนใจแบบไม่ยัดเยียดด้วยนะ 
 

4

และความดีงามผิดหูผิดตาในหนังกัปตันฯ สองภาคหลังนั้น อาจยังต้องยกความดีความชอบให้การกำกับของสองพี่น้อง Anthony Russo และ Joe Russo ที่เข้ามากุมบังเหียนนับตั้งแต่หนังภาคสอง วินเทอร์โซลเยอร์ ด้วย  

ตรงนี้ต้องชื่นชมแมวมองของมาร์เวลสตูดิโอจริงๆ ที่เอาคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรมาปลุกปั้นได้ถูกทุกทางจริงๆ เชื่อว่าโลกเราจะได้ผู้กำกับและทีมงานทำหนังสนุกๆชั้นยอดที่เกิดจากค่ายนี้อีกหลายคนเลยทีเดียว 

โดยไม่สปอยล คงพูดได้เพียงว่าหนังเอาหัวใจสำคัญจากคอมมิคชุดซีวิล วอร์ มาใช้ได้อย่างเหมาะสม ในแบบจักรวาลของหนังมาร์เวลที่มีทางของตัวเอง นั่นคือไม่เหมือนกับในคอมมิคแน่ๆ นั่นทำให้เราดูหนังได้อย่างสนุกมากๆ เพราะไม่รู้เลยว่าจะเป็นอย่างไร 

รีวิวฉากหนัง

่วนฉากบู๊แอ็คชั่นนั้น หนังค่อย ๆ ย่อยให้คนดูเป็นระยะ เอาใจคอหนังแอ็คชั่นโดยการทยอยปล่อยมาตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีมากั๊กไว้ท้าย ๆ เหมือนภาคก่อน ๆ

ฉากที่ถือเป็นไฮไลท์ของภาคนี้ แต่ฉากที่ถือว่าคุ้มเงินคนดูที่สุดก็คงเป็นฉากต่อสู้ที่สนามบินนั่นแหละครับ เพราะเป็นการรวมเอาฮีโร่ในเรื่องนี้ไว้ทุกคนเลย ใครชอบใครรักใครก็จะได้เห็นว่าใครประกบคู่ใครบ้าง ทั้งบู๊ไปทะเลาะกันไป 

5

มีตลกก็ต้องมีดราม่าถือว่าเป็นของที่ต้องอยู่คู่กันในหนังมาร์เวล ดราม่าเยอะพอสมควร โดยเฉพาะความขัดแย้งที่มีมากมายเหลือเกินของไอรอนแมนและกัปตัน ฮีโร่ทุกคนก็ไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไปที่มีด้านเข้มแข็งและอ่อนแอปะปนกัน เป็นคนไม่ชอบอะไรดราม่าฉากเหล่านี้มันเลยดูหน่วงไปนิดหน่อยครับ 

และแนะนำอย่างยิ่ง ถ้าหากใครจะชม Infinity War ก็ควรชมภาพยนตร์ชุดนี้ก่อนเพราะว่าเรื่องราวต่อจากCivil War ข้อเสียของหนังจักรวาลมาร์เวลนั้นมีเพียงอย่างเดียวคือถ้าไม่ไล่ดูตามTime Line ก็จะเกิดอาการค้างเติ่งไม่รู้ว่าเป็นไปเป็นมาอย่างไร หรือว่าพวกเขาไปทะเลาะกันตอนไหนนั่นเอง 

รีวิว Captain America Civil War โดยภาพรวม

คะแนนของเนื้อเรื่อง 9/10 เนื้อเรื่องน่าสนใจเพราะมีการนำฮีโร่อเวนเจอร์มาทำศึกและขัดแย้งกันเอง แต่การขัดแย้งกันไม่ได้มุ่งหมายจะทำร้ายหรือเอาชีวิตกัน เหมือนเป็นการขัดขวางการกระทำของอีกฝ่ายมากกว่า หนังยังคงมีความตลกปนดราม่าแอ็คชั่นไปเรื่อยตามสไตล์มาร์เวล 

6

คะแนนเอฟเฟคต์ 8/10 หนังไม่เน้นเอฟเฟคต์อลังการเหมือนหนังที่เน้นCGทั่วไป แต่จะเน้นการ Insert และการต่อสู้ที่เหนือมนุษย์ของเหล่าอเวนเจอร์ และความสมจริงของการต่อสู้ รวมถึงการสู้ไปทะเลาะกันไปเหมือนเราจะดูหนังAction Comedy มากกว่า และสิ่งที่ไม่นึกถึงไม่ได้คงจะเป็น Background ในการต่อสู้ที่เลือกสนามบิน บอกได้เลยว่าไอเดียดีไม่หลอก 

ความรู้สึกหลังรับชม

คือถ้าให้วิจารณ์ตัวหนังก็บอกเลยว่าดีทุกองค์ประกอบ สนุกทั้งที่เป็นแฟนมาร์เวลและไม่ได้เป็น (ไม่แน่ใจว่าคนที่โผล่มาดูภาคนี้เลยเป็นเรื่องแรกจะเก็ตไหมนะ แต่เชื่อว่าแนะความสัมพันธ์ของตัวละครนิดหน่อยก็ดูได้ลื่นแล้วล่ะ แต่ให้ดีควรดูเรื่องอื่นๆอย่างกัปตันอเมริกา1-2 และเอจออฟอัลตรอนจะดีกว่า) 

ภาพเสียงซีจีได้มาตรฐาน ขอชื่นชมการออกแบบฉากต่างๆ ที่วางปมไว้แบบนึกว่าไม่สำคัญในตอนต้นๆ ก็ดันมากลายเป็นฉากที่พลิกเหตุการณ์ในภายหลังได้อีก 

7

บทสนทนานี่ก็พูดน้อยต่อยหนัก ทำให้ตามเรื่องง่าย แต่ก็คมและถ่ายทอดความคิดและมิติด้านลึกของตัวละครได้ดีมากๆ หลายๆประโยคอย่างที่บอกตอนต้นว่าเสียดแทงใจมากๆโดยเฉพาะจากคำพูดตัวร้ายสุดฉลาดและเหี้ยมโหดสมการรอคอยอย่าง ซีโม่ ด้วย

ตรงนี้ต้องบอกเลยว่าหลายๆคนที่ปรามาสตัวร้ายในหนังมาร์เวลว่าอ่อนไม่น่ากลัวนี่เตรียมกลับคำได้เลย ตัวร้ายตัวนี้เป็นอะไรที่น่าจับตามองมากๆ กลยุทธเทพๆ ที่อาศัยสมองและความเป็นไปได้จริงๆ ไม่มีพลังเว่อวังใดๆ แต่สร้างความบรรลัยได้มโหฬารสุดๆ แถมเป็นตัวร้ายที่มีมิติลึกด้วย เรื่องราวของเขานี่ทำไซด์สตอรี่ได้เลยนะ